E-Commerce
ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic
Business) คือ กระบวนการดําเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีเครือข่ายที่เรียกว่าองค์การเครือข่ายร่วม
(Internetworked Network) ไม่ว่าจะเป็นการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic
Commerce) การติดต่อสื่อสารและการทํางานร่วมกัน
หรือแม้แต่ระบบธุรกิจภายในองค์กร
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
คือ การผลิต การกระจาย การตลาด การขาย หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์
และบริการโดยใชสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (WTO,1998)
E-Business และ E-Commerce
เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
E-commerce
ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Business)
คือกระบวนการดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีเครือข่ายที่เรียกว่า
องค์กรเครือข่ายร่วม (Internet worked Network)
ไม่ว่าจะเป็นการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce)
หรือแม้แต่ระบบธุรกิจภายในองค์กร
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce)
-
การดำเนินธุรกิจ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ECRC Thailand,1999)
-
การกระจาย การตลาด การขาย หรือการข่นส่งผลิตภัณฑ์
และบริการโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (WTO,1998)
-
ขบวนการที่ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อทำธุรกิจที่จะบรรลุเป้าหมายขององค์กร
ซึ่่งใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ และครอบคลุมรูปแบบทางการเงิน เช่น ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์,
การค้าอิเล็กทรอนิกส์, การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ
-
ธุรกรรมทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ทั้งในระดังองค์กร
และส่วนบุคคล บนพื้นฐานของการประมวลผล และการส่งข้อมูลดิจิทัล ที่มีทั้งข้อความ
เสียง และภาพ (OECD,1997)
-
การทำธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขึ้นอยู่กับการประมวลผล
และการส่งข้อมูลที่มีข้อความ เสียง และภาพ ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
รวมถึงการขายสินค้า และบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ,
การข่นส่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเ้นื้อหาข้อมูลแบบดิจิทัลในระบบออนไลน์, การประมูล,
การออกแบบทางวิศวกรรมร่วมกัน การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ฯลฯ
สรุปการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic
Commerce)
การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ในทุึกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้า และบริการ
การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ
หรือแม้แต่ิอินเตอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย
และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง
อาคารประกอบการ โกดังสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงนขาย พนักงานแนะนำสินค้า
พนักงานต้อนรับสินค้า เป็นต้น และนอกจากนี้
ยังลดข้อจำกัดด้านระยะทางและเวลาลงได้ด้วย
การประยุกต์ใช้ (E-commerce Application)
-
การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Retailing)
-
การโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ (E- Advertisement)
-
การประมูลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auctions)
-
การบริการอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service)
-
รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government)
-
การพาณิชย์ผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Commerce)
โครงสร้างพื้นฐาน (E-Commerce Infrastructure)
-
ระบบเครือข่าย (Network)
-
ช่องทางการติดต่อสื่อสาร (Chanel Of Communication)
-
การจัดรูปแบบและการเผยแพร่เนื้อหา (Format & Content Publishing)
-
การรักษาความปลอดภัย (Security)
การสนับสนุน (E-Commerce Supporting)
-
การพัฒนาระบบงาน
(E-Commerce Application Development)
-
การวางแผนกลยุทธ์ (E-Commerce Strategy)
-
กฏหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce Law)
-
การจดทะเบียนโดเมนเนม (Domain Name Registration)
-
การโปรโมทย์เว็บไซต์ (Website Promotion)
การจัดการ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
The Dimensions of E-Commerce
ประเภทของ E-Commerce
กลุ่มธุรกิจที่ค้ากำไร (Profits
Organization)
1.
Business-to-Business (B2B)
2.
Business-to-Customer (B2C)
3.
Business-to-Business-to-Customer (B2B2C)
4.
Customer-to-Customer (C2C)
5.
Customer-to-Business (C2B)
6.
Mobile Commerce
กลุ่มธุรกิจที่ไม่ค้ากำไร (Non-Profit
Organization)
1.
Intrabusiness (Organization) E-Commerce
2.
Business-to-Employee (B2E)
3.
Government-to-Citizen (G2C)
4.
Collaborative Commerce (C-Commerce)
5.
Exchange-to-Exchange (E2E)
6.
E-Learning
E-Commerce Business Model
แบบจำลองทางธุรกิจหมายถึงวิธีการดำเนินการทางธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้
อันจะทำให้บริษัทอยู่ต่อไปได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม
(Value Add) ให้กับสินค้าและบริการ
วิธีการที่องค์กรคิดค้นขึ้นมาเพื่อประยุกต์ใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างเต็มที่
อันจะก่อให้เกิดผลกำไรสูงสุดและเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ
ธุรกิจที่หารายได้จากค่าสมาชิก
ตัวอย่างของธุรกิจที่หารายได้จากค่าสมาชิกในการศึกษาได้แก่ AOL
(ธุรกิจ ISP), Wall Street Journal (หนังสือพิมพ์), JobsDB.com (ข้อมูลตลาดงาน),
และ Business Online(ข้อมูลบริษัท)
ธุรกิจในกลุ่มนี้หลายรายเป็นธุรกิจที่ได้กำไรแล้วเนื่องจากรายได้จากค่าสมาชิกเป็นรายได้ที่มีความมั่นคงกว่ารายได้จากแหล่งอื่นเช่น
รายได้จากการโฆษณาหรือค่านายหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจท่จี
ะสามารถหารายได้จากค่าสมาชิกได้ก็คือ การมีสารสนเทศหรือบริการที่มีคุณภาพที่ดี
พอที่จะทำให้ลูกค้ายอมจ่ายค่าสมาชิกดังกล่าว เช่น
ต้องมีสารสนเทศที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น (Wall Street Journal หรือ Business Online) หรือใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการรักษาฐานลูกค้าไว้
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเป็นธุรกิจ E-Commerce
ที่ให้บริการแก่ธุรกิจ E-Commerceอื่น
ตัวอย่างของธุรกิจพื้นฐานในการศึกษา ได้แก่ Consonus
(ธุรกิจศูนย์ข้อมูล และ ASP), Pay Pal (ธุรกิจชำระเงินออนไลน์), Verisign(ธุรกิจออกใบรับรองดิจิตัล), BBBOnline (ธุรกิจรับรองการประกอบธุรกิจที่ได้มาตรฐาน), Siam guru (บริการเสิร์จเอนจิ้น), และ FedEx (บริการจัดส่งพัสดุ)
ปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจในกลุ่มนี้จะขึ้นอยู่กับการขยายตัวของตลาด
E-Commerce โดยรวม กล่าวคือ หากเศรษฐกิจ
อยู่ในช่วงขยายตัวและมีผู้ประกอบการ E-Commerce มาก
รายได้ของธุรกิจเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นดังนั้น หากเรมองว่าธุรกิจ E-Commerce
มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้
ก็จะมีแนวโน้มที่จะเติบโต และน่าจะทำกำไรได้ในระยะยาว
ธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์
ธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์เป็นรูปแบบของธุรกิจ E-Commerce
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดเมื่อกล่าวถึงธุรกิจ E-Commerce
คนทั่วไป จึงมักจะนึกถึงธุรกิจในกลุ่มนี้
ตัวอย่างของธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (Online Retailer) ในกรณีศึกษาได้แก่ Amazon (หนังสือ),7dream
(ของชำ), EthioGift (ของขวัญวันเทศกาลของเอธิโอเปีย), 1-800-Flowers(ดอกไม้), Webvan (ของชำ), Tony Stone Image
(รูปภาพ), และ Thaigem (อัญมณี)รายได้หลักของธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์มาจากการจำหน่ายสินค้า
ในช่วงแรกผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ มักคาดหวังว่า
การประกอบการโดยไม่ต้องมีร้านค้าทางกายภาพจะช่วยให้ตนมีต้นทุนที่ต่ำ
และสามารถขายสินค้าให้แก่ ลูกค้าในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งได้ อย่างไรก็ตาม
ในช่วงเวลาต่อมาเราจะพบว่า
ปัจจัยในความสำเร็จของโมเดลทางธุรกิจดังกล่าวมักจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการส่งสินค้าและให้บริการหลังการขายให้แก่ลูกค้า
ธุรกิจที่หารายได้จากโฆษณา
ในช่วงหลังธุรกิจ E-Commerce
ที่หวังหารายได้จากการโฆษณาซบเซาลงไปมากเนื่องจากการเข้าสู่ตลาดดังกล่าวทำได้ง่าย
ทำให้จำนวนพื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งมีผลทำให้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง
และมีผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการแทบทุกราย นอกจากนี้
การจัดทำเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาดึงดูดให้ผู้ใช้เข้ามาใช้ต้องอาศัยการลงทุนสูง
และจำเป็นต้องทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์ผ่าน สื่อต่างๆมาก
ปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจในกลุ่มนี้จึงได้แก่การสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากธุรกิจในแนวเดียวกัน
ในขณะท่สี ามารถควบคุมต้นทุนได้
ตัวอย่างของธุรกิจที่หารายได้จากค่าโฆษณาที่ยังคงสามารถทำกำไรได้ คือ Yahoo!
ซึ่งเป็นเว็บท่า (Portal Site) ที่มีชื่อเสียงมานาน
บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
ตัวอย่างของบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government)
ในกรณีศึกษา ได้แก่MERX(การให้ข้อมูลการประกวดราคาของโครงการรัฐ), Buyers.Gov (การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ)และ eCitizen (การให้บริการของรัฐแก่ประชาชน)
บริการในกลุ่มนี้มักมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและธุรกิจในการติดต่อกับภาครัฐ
(eCitizen) เพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน (MERX)
เพิ่มประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของภาครัฐ
(Buyers.Gov) เป็นต้น
ธุรกิจตลาดประมูลออนไลน์
ธุรกิจในกลุ่มนี้มีรูปแบบการหารายได้ทั้งในแบบ B2C
ซึ่งหารายได้จากการจำหน่ายสินค้า
ส่วนเกินของบริษัทโดยไม่เกิดความขัดแย้งกับช่องทางเดิม
นอกจากนี้ตลาดประมูลออนไลน์ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถหาราคาที่เหมาะสมของสินค้า
ตัวอย่างของธุรกิจตลาดประมูลออนไลน์ แบบ B2C
ในกรณีศึกษาได้แก่ Egghead (สินค้าอิเล็กทรอนิกส์) และPriceline (สินค้าท่องเที่ยว) เป็นต้น
รูปแบบธุรกิจตลาดประมูลออนไลน์อีกประเภทหนึ่งคือแบบ C2C ธุรกิจในกลุ่มนี้จะหารายได้จากค่านายหน้าในการให้บริการตลาดประมูลซึ่งช่วยจับคู่ผู้ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน
ตัวอย่างของธุรกิจตลาดประมูลดังกล่าวนี้คือ Ebay
ตซึ่งเป็นตลาดประมูลออนไลน์ที่มีชื่อเสียง และมีผลประกอบการที่ได้กำไรตั้งแต่ปี
1996ปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจประมูลแบบ B2C คือความสามารถในการหาสินค้าที่มีคุณภาพดีแต่มีต้นทุนต่ำมาประมูลขาย
ซึ่งจำเป็น ต้องอาศัยการมีพันธมิตรรายใหญ่ที่มีสินค้าเหลือจำนวนมาก
ส่วนปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจประมูลแบบC2C คือความสามารถในการสร้างความภักดีของลูกค้าและป้องกันการฉ้อโกงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ธุรกิจตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์
ตัวอย่างของธุรกิจตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Marketplace)
ในกรณีศึกษาได้แก่PaperExchange (กระดาษ), FoodMarketExchange (อาหาร),
DoubleClick (แบนเนอร์ในอินเทอร์เน็ต), Half.com (สินค้าใช้แล้ว), และ Translogistica (ขนส่งทางบก)
ธุรกิจในกลุ่มนี้จะหารายได้จากค่านายหน้าในการให้บริการตลาดกลางซึ่งช่วยจับคู่ผู้ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน
ในช่วงแรกธุรกิจตลาดกลางมักดำเนินการโดยผู้บริหารตลาดที่เป็นอิสระจากผู้ซื้อหรือผู้ขาย
(Independent Market Maker) อย่างไรก็ตามต่อมาพบว่า
ผู้บริหารตลาดอิสระมักไม่สามารถชักชวนผู้ซื้อหรือผู้ขายให้เข้าร่วมในตลาดจนมีจำนวนที่มากพอได้ในช่วงหลังเราจึงเริ่มเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่
หรือกลุ่มของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่รวมตัวกันในลักษณะของconsortium เป็นแกนกลางในการบริหารตลาดกลางเอง
โดยชักชวนให้ซัพพลายเออร์และลูกค้าของตนเข้าร่วมในตลาด
ธุรกิจท่ใช้ E-Commerce ในการเพิ่ม
Productivity
รูปแบบในการใช้ E-Commerce
ในการเพิ่ม productivity
ที่มีประสิทธิผลมากที่สุดมักได้แก่ การบริหารซัพพลายเชน (Supply
Chain Management) และการให้บริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer
Relationship Management) ตัวอย่างของการบริหารซัพพลายเชนในกรณีศึกษาได้แก่Dell
(คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล),
Boeing (เครื่องบิน),
TESCO (ของชำ),
W.W.Grainger (สินค้าMRO),
และ GMBuyPower
(ยานยนต์)
ระบบบริหารซัพพลายเชนดังกล่าวมักจะช่วยลดต้นทุนในการติดต่อกับซัพพลายเออร์
ลดต้นทุนการบริหารคลังสินค้า (Inventory)
เนื่องจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ผลิตและซัพพลายเออร์จะช่วยให้สามารถคาดการยอดขายได้ดีขึ้น
ตลอดจนลดเวลาในการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า
ข้อแตกต่างระหว่างการทำธุรกจิ ทั่วไป LOGO
กับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ข้อดีและข้อเสียของ E-Commerce
ข้อดี
1.สามารถเปิด ดำเนิน การได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2.สามารถดำเนินการค้าขายได้อย่างอิสระทั่วโลก
3.ใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ
4.ไม่ต้องเสียค่าเดินทางในระหว่างการดำเนินการ
5.ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ และยังสามารถประชาสัมพันธ์ในครั้งเดียว
แต่ไปได้ทั่วโลก
6.สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ตได้ง่าย
7.ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
8.ไม่จำเป็นต้องเปิดเป็นร้านขายสินค้าจริงๆ
ข้อเสีย
1.ต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบที่มีประสิทธิภาพ
2.ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตได้
3.ขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิต
4.ขาดกฎหมายรองรับในเรื่องการดำเนินการธุรกิจขายสินค้าแบบออนไลน์
5.การดำเนินการทางด้านภาษียังไม่ชัดเจน